หน้าเว็บ

วันพฤหัสบดีที่ 27 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557

อุทยานแห่งชาติห้วยน้ำดัง


 
     อุทยานแห่งชาติห้วยน้ำดัง มีพื้นที่ครอบคลุมท้องที่อำเภอแม่แตง อำเภอเชียงดาว อำเภอเวียงแห ง จังหวัดเชียงใหม่ และ อำเภอปาย จังหวัดแม่ฮ่องสอน มีสภาพป่าและธรรมชาติที่สมบูรณ์ ภูเขาสูงชันสลับซับซ้อน เป็นป่าต้นน้ำ ลำธาร มีจุดเด่นทางธรรมชาติที่สวยงามและจุดชมวิวที่สามารถชมบรรยากาศอันร่มรื่น โดยเฉพาะบริเวณห้วยน้ำดัง ที่มีชื่อว่าทะเลหมอกที่งดงามยิ่ง เป็นสถานที่ที่นักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างประเทศไปเที่ยวชมความงาม เป็นจำนวนมาก 1,252.12 ตารางกิโลเมตร หรือ 782,575 ไร่ และได้จัดตั้งเป็น "อุทยานแห่งชาติห้วยนำดัง" เมื่อวันที่ 14 สิงหาคม 2538 เป็นอุทยานแห่งชาติลำดับที่ 81


ลักษณะภูมิประเทศ
   สภาพภูมิประเทศเป็นเทือกเขาและภูเขาสูงที่สลับซับซ้อนทอดตัวยาวตามแนวเหนือ-ใต้และอยู่ในแนวเดียวกันกับเทือกเขาเชียงดาว ภูเขาต่าง ๆ ในพื้นที่ที่มีความสูงชันตั้งแต่ 500-1,962 เมตร จากระดับน้ำทะเล มีภูเขาที่สูงที่สุดคือ ดอยช้าง เป็นป่าต้นน้ำลำธาร มีลำห้วยน้อยใหญ่มากมาย ได้แก่ ห้วยแม่เย็น ห้วยแม่ฮี้ ห้วยแม่ปิง ห้วยแม่จอกหลวง ห้วยน้ำดัง เป็นต้น รวมกันไหลลงสู่แม่น้ำปาย แม่น้ำปิง แม่น้ำแตง
ลักษณะภูมิอากาศ
ฤดูฝน ระหว่างเดือนพฤษภาคม - เดือนตุลาคม
ฤดูหนาว ระหว่างเดือนพฤศจิกายน - เดือนกุมภาพันธ์ จะมีอุณหภูมิต่ำสุดประมาณ 9 c
ฤดูร้อน ระหว่างเดือนมีนาคม - เดือนเมษายน จะมีอุณหภูมิสูงสุดประมาณ 34 c
 

Image
พันธุ์ไม้และสัตว์ป่า
สภาพทางธรรมชาติยังคงความอุดมสมบูรณ์ จึงทำให้เกิดสังคมพืชหลากหลายชนิด ประกอบด้วยป่าดิบชื้น ป่าดิบเขา ป่าเบญจพรรณ ป่าสนเขา มีพรรณไม้ที่สำคัญ ได้แก่ ไม้ตะเคียน ยาง จำปีป่า ยมหอม มะม่วงป่า ยมป่า เสลา ดงดำ แดง ประดู่ ตะแบก ตีนนก งิ้วป่า สนสองใบ ไม้ก่อต่าง ๆ เต็ง รัง เป็นต้น
ด้วยความอุดมสมบูรณ์ของสภาพป่า จึงชุกชุมไปด้วยสัตว์ป่านานาชนิด ได้แก่ ช้างป่า กวาง หมี เก้ง เลียงผา หมูป่า เสือ ชะมด ลิง พังพอน เม่น ไก่ป่า ไก่ฟ้า และนกนานาชนิด ได้แก่ นกเปล้า นกแก้ว นกขุนทอง นกขมิ้น นกปรอท และ นกเหยี่ยว เป็นต้น
แหล่งท่องเที่ยว
จุดชมวิวดอยช้าง อยู่บนดอยช้างขึ้นไปทางเหนือของห้วยน้ำดัง มีความสูงจากระดับน้ำทะเล 1,962 เมตร สามารถมองเห็นสภาพธรรมชาติของทิวเขาอันสลับซับซ้อน ทะเลหมอกในตอนเช้าตรู่ได้ชัดเจน
จุดชมวิวบริเวณห้วยน้ำดัง (ดอยกิ่วลม) เป็นที่ตั้งของหน่วยพัฒนาต้นน้ำที่ 2 (ห้วยน้ำดัง) เป็นจุดชมวิวที่สวยงามมากที่สุดและมีชื่อเสียงมากในด้านการท่องเที่ยว ที่จะชมทะเลหมอกในช่วงเช้าตรู่และเป็นที่รู้จักของชาวไทยและชาวต่างประเทศ เพื่อคอยชมพระอาทิตย์ขึ้นและทะเลหมอกอันกว้างใหญ่ไพศาลในช่วงฤดูหนาว สภาพธรรมชาติอันสวยงามของจุดชมวิวนี้เมื่อยืนอยู่ที่บ้านพักของห้วยน้ำดัง แล้วมองไปทางทิศตะวันออก ทำให้มองเห็นสภาพธรรมชาติที่สวยงาม ทิวทัศน์ของทิวเขาอันสลับซับซ้อนซึ่งมีดอยหลวงเชียงดาวที่สูงที่สุดอยู่ใจ กลาง และในช่วงเช้าตรู่ของฤดูหนาวจะเกิดทัศนียภาพของทะเลหมอกที่ สวยงาม ทางเข้าแยกจากถนนสายแม่มาลัย-ปายหลักกิโลเมตรที่ 65 - 66 เป็นทางลูกรังเข้าไปอีกประมาณ 6 กิโลเมตร
น้ำตกแม่เย็น เป็นน้ำตกที่เกิดจากลำห้วยแม่เย็นหลวง ซึ่งจะไหลลงมาสู่แม่น้ำปายต่อไป สภาพน้ำตกเป็นน้ำตกขนาดใหญ่สูง มีน้ำไหลตลอดปี
น้ำตกแม่ลาด ความสูงประมาณ 40-50 เมตร ตั้งอยู่ใน ต.เมืองแหง อ.เวียงแหง จ.เชียงใหม่
น้ำตกแม่หาด ความสูงประมาณ 40-50 เมตร มี 4 ชั้น ตั้งอยู่ใน ต.เมืองแหง อ.เวียงแหง จ.เชียงใหม่
น้ำตกห้วยน้ำดัง เป็นน้ำตกที่เกิดจากลำห้วยน้ำดัง มีโขดหินมากมาย ความสูงประมาณ 50 เมตร กว้าง 10 เมตร เป็นน้ำตกที่สวยงามมากความสูง 3 - 4 ชั้น และสภาพโดยทั่ว ๆ ไปชุ่มชื้นไปด้วยพันธุ์ไม้ป่าดิบชื้น
โป่งน้ำร้อนท่าปาย เป็นบ่อน้ำร้อนที่เปรียบเสมือนน้ำกำลังเดือดขึ้นเป็นพรายฟอง อุณหภูมิน้ำผิวดินประมาณ 80 องศาเซลเซียส น้ำร้อนจะไหลรวมกันเป็นธารน้ำร้อนขยายเป็นบริเวณกว้างมีหมอกควันปกคลุม พื้นที่อยู่ห่างจากที่ทำการอุทยานฯ ประมาณ 30 กม. ตั้งอยู่ใน ต.แม่ฮี้ อ.ปาย จ.แม่ฮ่องสอน
โป่งน้ำร้อนโป่งเดือด น้ำพุร้อนขนาดใหญ่ จำนวน 3-4 บ่อ และยังมีบ่อเล็ก ๆ กระจายอยู่ทั่วไป อุณหภูมิน้ำผิวดินประมาณ 90-99 องศาเซลเซียส น้ำพุร้อนจะพุ่งจากใต้ดินตลอดเวลา บางครั้งพุ่งสูงถึง 2 เมตร บริเวณนี้ยังมีเส้นทางศึกษาธรรมชาติโป่งเดือด ระยะทาง 1,550 เมตร และโป่งเดือดยังเป็นจุดเริ่มต้นของการท่องเที่ยวทัวร์ป่าที่มีชื่อเสียงเป็น ที่นิยมของนักท่องเที่ยวเป็นอย่างยิ่ง
โป่งร้อน อยู่ในป่าสงวนแห่งชาติป่าแม่ปายฝั่งซ้ายตอนบน ท้องที่ตำบลแม่อี้ อำเภอปาย จังหวัดแม่ฮ่องสอน เส้นทางลูกรังเข้าไปโป่งร้อน โดยแยกเข้าทางบ้านแม่ปิง ระยะทางประมาณ 2 กิโลเมตร สภาพ ธรรมชาติของโป่งร้อนเป็นบ่อน้ำร้อนที่น้ำกำลังเดือดเป็นฟองและมีหมอกควันปก คลุมพื้นที่ พร้อมทั้งมีน้ำร้อนไหลเรื่อย ๆ ทั่วบริเวณกว้าง บ่อน้ำร้อนแห่งนี้มีบ่อใหญ่ 2 บ่อ นอกจากนี้ลักษณะเป็น น้ำผุดบางจุด ความร้อนประมาณ 80 องศาเซลเซียส รอบ ๆ โป่งร้อนเป็นไม้สักที่สมบูรณ์มาก
ล่องแพลำน้ำแม่แตง สองฝั่งของลำน้ำแม่แตงยังคงอุดมสมบูรณ์ด้วยพันธุ์ไม้และนกนานาชนิด จัดว่าเป็นสายน้ำที่มีบรรยากาศของการท่องเที่ยวที่ตื่นเต้นเร้าใจเต็มไปด้วยเกาะแก่งและ โขดหิน โดยเดินทางตามเส้นทางทัวร์ป่าจากน้ำพุร้อนโป่งเดือดจนถึงบ้านปางป่าคา (7กม.) หรือบ้านป่าข้าวหลาม (9 กม.) จากนั้นเริ่มล่องแพใช้เวลาประมาณ 3-4 ชั่วโมง จะถึงบ้านสบก๋ายซึ่งเป็นจุดสิ้นสุดของการล่องแพ
บ้านพัก-บริการ บ้านพักทางการที่ตั้งในอุทยานฯ
การเดินทาง
รถยนต์ โดยเดินทางจากอำเภอเมืองเชียงใหม่ จังหวัดเชียงใหม่ ตามเส้นทางหลวงหมายเลข 107 และเข้าทางแยกซ้ายมือที่ตลาดแม่มาลัย (อำเภอแม่แตง) ไปตามเส้นทางหลวงหมายเลข 1095 (สายแม่-มาลัยปาย) จนถึงช่วงหลักกิโลเมตรที่ 65-66 มีทางแยกขวามือซึ่งมีป้อมยามตั้งอยู่ทางเข้าถึงบริเวณ ห้วยน้ำดัง ระยะทางประมาณ 6 กิโลเมตร เดินทางต่อไปอีกระยะประมาณ 3 กิโลเมตร ก็จะถึงจุดชมวิวดอยช้าง ถ้าเดินทางต่อไปอีกตามเส้นทางหลวงหมายเลข 1095 จากหลักกิโลเมตรที่ 66 ไปยังอำเภอแม่ปาย จังหวัดแม่ฮ่องสอน ถึงบ้านแม่ปิง จะมีทางแยกขวามือเป็นทางของ รพช. หมายเลข มส. 11024 ถึงโป่งร้อน อันเป็นแหล่งท่องเที่ยวอีกจุดหนึ่ง
สถานที่ติดต่อ
อุทยานแห่งชาติห้วยน้ำดัง หมู่ที่ 5 ต.กึ๊ดช้าง อ.แม่แตง จ.เชียงใหม่ 50300

วันพุธที่ 26 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557

ชวนเที่ยวเมืองไทย (ไม่ไปไม่รู้) หมู่เกาะอ่างทอง



หมู่เกาะอ่างทอง ตั้งอยู่ในพื้นที่ อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะอ่างทอง จังหวัดสุราษฎร์ธานี ประกอบด้วยเกาะต่าง ๆ 42 เกาะ ได้แก่ เกาะพะลวย เกาะวัวตาหลับ เกาะแม่เกาะ เกาะสามเส้า เกาะหินดับ เกาะนายพุด และเกาะไผ่ลวก เป็นต้น ซึ่งตามเกาะต่าง ๆ จะมีหาดทรายอยู่เกือบทุกเกาะ บางเกาะหาดทรายมีสีขาวสะอาดบริสุทธิ์ บางเกาะมีปะการังตามชายทะเลหลายชนิด สีสวยงามหลากสี อยู่ท่ามกลางความเงียบสงบ


          แหล่งท่องเที่ยวใน หมู่เกาะอ่างทอง ได้แก่ เกาะท้ายเพลาและเกาะวัวกันตัง เป็นจุดที่มีแนวปะการังและหาดทรายขาวสะอาด, เกาะวัวตาหลับ อยู่บริเวณอ่าวคา เป็นหาดทรายขาวสะอาดเหมาะแก่การเล่นน้ำ นอนเล่นพักผ่อนริมหาด เมื่อขึ้นไปจุดชมทิวทัศน์บนยอดเขา จะมองเห็นหมู่เกาะอ่างทองทั้งหมดที่ทอดตัวเรียงรายเป็นแนวยาวด้วยรูปร่าง ต่าง ๆ แปลกตา, เกาะหินดับ เป็นเกาะที่มีหาดทรายที่สวยงามและชายหาดที่ยาวที่สุดในอุทยานแห่งชาติ สภาพภูมิประเทศและทัศนียภาพรอบเกาะสวยงามน่าชม

          ทะเลใน หรือ ทะเลสาบกลางภูเขา อยู่บน เกาะแม่เกาะ เป็นแอ่งน้ำธรรมชาติขนาดใหญ่ที่ถูกโอบล้อมไปด้วยเทือกเขาหินปูนที่สูงสลับ ซับซ้อนแต่มีอุโมงค์ใต้น้ำที่เชื่อมต่อกับทะเล การกำเนิดของทะเลสาบน้ำเค็มนี้ได้มีการสันนิษฐานว่า เกิดจากการยุบตัวของหินชั้นล่างทำให้เกิดบ่อยุบ ซึ่งเกิดขึ้นพร้อม ๆ กับหมู่เกาะ หรืออาจเกิดจากการเปลี่ยนแปลงทางเคมีในกระบวนการเดียวกับการเกิดถ้ำ

          ทั้งนี้ ช่วงเวลาระหว่างเดือนพฤศจิกายน-ธันวาคม ของทุกปี เป็นช่วงฤดูมรสุม ทะเลจะมีคลื่นลมแรง ทำให้การเดินทางไป หมู่เกาะอ่างทอง ไม่มีความปลอดภัยสำหรับนักท่องเที่ยว ทางอุทยานแห่งชาติจึงกำหนดปิดการท่องเที่ยวประจำปี ได้แก่ ปิดฤดูการท่องเที่ยว ตั้งแต่วันที่ 1 พฤศจิกายน - 23 ธันวาคม ของทุกปี และจะเปิดฤดูการท่องเที่ยว ตั้งแต่วันที่ 24 ธันวาคม - 31 ตุลาคม ของทุกปี

ต้มยำปลาดุกย่าง แซ่บเว่อร์

    ต้มยำปลาดุกย่าง

ส่วนประกอบ
  • ปลาดุกย่าง 1 ตัว
  • ข่า 4 แว่น
  • ตะไคร้ 2 ต้น
  • หัวหอมแดงเผา 5 หัว
  • กระเทียมเผา 8 กลีบ
  • น้ำมะนาว 1 ช้อนโต๊ะ
  • น้ำปลา 4 ช้อนโต๊ะ
  • น้ำเปล่า 2 1/2 ถ้วย
  • ใบมะกรูด 4 ใบ
  • พริกขี้หนูสวนบุบพอแตก 8 เม็ด
  • ใบผักชีฝรั่ง 4 ใบ
 วิธีการทำ
  • นำปลาดุกย่างมาแกะก้างออกตัดเป็นชิ้นใหญ่
  • ตวงน้ำใส่หม้อ ตั้งไฟให้เดือด ใส่ ข่า ตะไคร้ (หั่นเป็นท่อนๆ) หอมเผา กระเทียมเผา พอเดือด จึงใส่เนื้อปลาดุก แล้วปรุงรสด้วยน้ำปลา น้ำมะนาว น้ำส้ม มะขามเปียก พริกขี้หนูบุบ ใบมะกรูด ผักชีฝรั่งหั่นเป็นท่อนๆ ชิมรสดูให้เปรี้ยว เค็ม เผ็ด ให้พอดี เสิร์ฟร้อนๆ


เจียวไข่มดแดง อร่อยมาก

เจียวไข่มดแดงเจียว ไข่มดแดง หรือเจี๋ยวไข่มดส้ม เป็นการปรุงอาหารประเภทเจียว ที่นิยมใส่ไข่ไก่ โดยตีให้กระจาย ลงไปในน้ำแกงขณะเดือด เช่นเดียวกับการเจียวผัก แต่งกลิ่นด้วยต้นหอม ผักชี หรือพริกไทย แล้วแต่ชอบ (อินทร วงค์กุฎ, สัมภาษณ์, 26 มิถุนายน 2550)
ส่วนผสมเจียวไข่มดแดง
1. ไข่มดแดง50 กรัม
2. ไข่ไก่2 ฟอง
3. มะเขือเทศลุกใหญ่3 ลูก
4. หอมแดง3 หัว
5. ผักชีซอย1 ช้อนโต๊ะ
6. ต้นหอมซอย1 ช้อนโต๊ะ
เครื่องแกงเจียวไข่มดแดง
1. พริกแห้ง3 เม็ด
2. กระเทียม5 กลีบ
3. หอมแดง3 หัว
4. กะปิ1 ช้อนชา
5. เกลือ1/2 ช้อนชา

วันอังคารที่ 25 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557

ลองทำคับ www.suksanhunsa.com ช่วยเป็นกำลังใจหน่อยน่ะคับ



หวัดดีคับ     ผมเพิ่งฝึกหัดทำเว็บ เสร็จหมาด  ช่วยเป็นกำลังให้หน่อยน่ะคับ ชื่อเว็บผม www.suksanhunsa.com






วันจันทร์ที่ 24 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557

ต้อนรับเช้าวันใหม่ ด้วยอาหารเช้า 7 ชาติ 7 สไตล์

อาหาร มื้อเช้า เป็นมื้อที่สำคัญที่สุด เพื่อช่วยให้สมองและร่างกายมีพลังงานแร่ธาตุ และวิตามินต่างๆ ไปช่วยบำรุงร่างกายที่ดำเนินชีวิตทำกิจกรรมในแต่ละวัน อาหารเช้าของคนไทยส่วนมากจะทานข้าวเป็นหลัก หรือถ้าทานไม่ทันก็จะทานขนมปัง แซนวิช หรือนมเป็นต้น แต่บางประเทศในทุกๆวัน มื้อเช้าจะต้องเป็นเมนูนี้เป็นหลัก มาดูกันว่าเมนูที่เป็นมื้อเช้าของประเทศนั้นๆ คืออะไร น่าทานแค่ไหน


ฝรั่งเศส : อาหารเช้าในฝรั่งเศสจะมีกาแฟ อย่าแปลกใจหากคุณทานอาหารในปารีส และพบว่ากาแฟของคุณอยู่ในชามแทนที่จะเป็น แก้ว เพื่อที่ได้ง่ายต่อการนำขนมปังช็อคโกแลตหรือครัวซองท์จิ้มลงไปถือเป็นการทาน แบบดั้งเดิมสำหรับวันหยุด หากเป็นในช่วงกลางอาทิตย์ก็จะเป็นขนมปังกับแยม น้ำผึ้งหรือเนย ลองเริ่มต้นวันใหม่แบบฝรั่งเศสดูซิ

มื้อเช้า 7 แบบ 7 ประเทศ


 เม็กซิโก : สิ่งที่เหมือนกันมากที่สุดอย่างหนึ่งของคนอเมริกาเหนือก็คืออาหารเช้าแบบ เม็กซิโก huevos rancheros ตอติญ่าที่ทำจากแป้งข้าวโพดราดด้วยไข่ดาวและซอส ranchera มักเสิร์ฟกับ frijoles อาหารจานนี้เกือบจะเป็นอาหารเช้ามาตรฐานตั้งแต่ Austin ถึง Soho แต่ที่เม็กซิโกคุณมาสมารถสั่ง huevos ได้หลายแบบ Huevos divorciados (ตามในรูป) ที่สั่งแยกออกเป็นไข่ฟองหนึ่งราดด้วย salsa roja และอีกฟองหนึ่งราดด้วย alsa verde (ตรงกลางราดด้วยซอสที่ทำจากมะเขือเทศชนิดหนึ่ง)
มื้อเช้า 7 แบบ 7 ประเทศ






จาไมกา : ackee ผลไม้ของจาไมกานำมาตุ๋นจนแห้ง มะเขือเทศ หัวหอม พริกสก็อตบอนเนท และ thyme ที่เป็นส่วนประกอบในอาหารเช้า ต้น ackee เป็นต้นไม่พื้นเมืองของแอฟริกาอยู่ในตระกูลเดียวกับลิ้นจี้และลำไย เนื้อเป็นสีเหลือง ต้องนำไปปรุงถึงจะอร่อย ในการตุ๋นต้องนวดด้วย แช่ไว้ในน้ำทั้งคืนและนำไปต้ม มักเสิร์ฟกับ johnnycakes บิสกิตง่ายๆ ที่ทำจากแป้งหรือแป้งข้าวโพดและนมเปรี้ยวแล้วนำไปทอดในน้ำมัน


มื้อเช้า 7 แบบ 7 ประเทศ
    




 เวลส์ : เป็นตัวอย่างของอาหารเช้าของอังกฤษ มีความหลากหลายตามีสิ่งที่เหมือนกันคือเบคอน ไส้กรอก และไข่ มักจะโรยถั่วอบ อย่างไรก็ตามอย่าลืมหา laverbread ด้วย ในจานประกอบด้วยสาหร่ายจากชายฝั่งเวลส์ที่น้ำไปต้มจนเหนียวแล้วนำไปผสมกับ ข้าวโอ๊ตบด รสชาดเป็นอะไรที่พลาดไม่ได้



มื้อเช้า 7 แบบ 7 ประเทศ





ญี่ปุ่น : ขณะที่อาหารเช้าทางฝั่งตะวันตกมีส่วนประกอบหลักเป็น ซีเรียล ขนมปังปิ้ง และไข่ แต่อาหารเช้าที่ญี่ปุ่นที่ได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ และเป็นส่วนใหญ่ของคนญี่ปุ่นด้วยที่จะเริ่มต้นวันด้วย ข้าว อาหารทะเล สาหร่าย และนัตโตะ (ถั่วหมักในซอสถั่วเหลือง) อาจมีอย่างอื่นด้วยที่คุณพบ เช่น เต้าหู้ ปลาทอด และ umeboshi (พลับดอง) ที่ให้รสเค็มและเปรี้ยว












มื้อเช้า 7 แบบ 7 ประเทศเนเธอแลนด์ : ขนมปังธัญพืชและขนมปังกรอบที่เรียกว่า beschui เป็นคาร์โบไฮเดรตสำหรับตัวอย่างอาหารเช้าของชาวดัตช์สำหรับเวลาเร่งรีบ คนในฮอลแลนด์จะเตรียมเนื้อสไลด์ ชีสก้อนใหญ่ กาแฟเข้มๆ และของที่ใช้ทาหรือราดตั้งแต่ Nutella (ครีมถั่วฮาเซลนัทผสมโกโก้) ไปจนถึงน้ำผึ้ง ถ้าต้องการอะไรที่เป็นแบบฉบับบจริงๆ มองหาขวดที่มีชื่อว่า hagelslag เป็นที่นิยมทั้งเด็กและผู้ใหญ่ ช็อคโกแลตที่ใช้โรยหน้า (เหมือนที่โรยในไอศกรีมในอเมริกาแต่นุ่มนวลและให้รสมากกว่า) ที่ละเลงลงบน beschuit เป็นองค์ประกอบที่ให้ความหวานกับชาหรือกาแฟ Hagelslag จะใส่ลงในนมช็อคโกแลตหรือดาร์คช็อคโกแลต

มื้อเช้า 7 แบบ 7 ประเทศ
     





จีน : อาหารเช้าของจีนมีความหลากหลายทั้งติ่มซำจนถึงขนมหัวผักกาด แต่อาหารเช้าของจีนที่เป็นที่รู้จักที่สุด ที่ทานกันทั่วประเทศ ไม่ได้ต้องพูดถึงบุฟเฟ่ในโรงแรมตั้งแต่ที่สิงคโปร์จน ถึงญี่ปุ่น นั่นก็คือ congee หรือข้าวต้ม รสธรรมดาแต่เป็นอาหารเช้าที่นิยมที่สุด เป็นพื้นฐานและดึงดูดด้วยเครื่องที่ใส่เพิ่มลงไปอย่าง หมูหยอง กุ้งแห้ง และผักดอง 


















พิซซ่า ญี่ปุ่น (โอโคโนมิยากิ)

พิซซ่าญี่ปุ่น ( โอโคโนะมิยากิ - Okonomi yaki ) 

วันนี้....ขอนำเสนอเมนู....ที่เป็นที่ชื่นชอบทั้งของเด็กและผู้ใหญ่มาฝากกันค่ะ เมนูนี้คือ.... " พิซซ่าญี่ปุ่น - โอโคโนะมิยากิ " (Okonomi Yaki - お好み焼き) ได้เคยโพสไว้แล้วที่เวปของคุณแมงเม่าฯ แต่เพื่อความสะดวกในการรวบรวมข้อมูลสูตรอาหารต่าง ๆ จึงได้นำมาโพสใหม่อีกครั้งในบล๊อคนี้ค่ะ


" โอโคโนะมิยากิ - พิซซ่าญี่ปุ่น "....... เป็นอาหารว่างชนิดหนึ่ง ที่ทานแล้วอิ่มท้องชนิด ที่ไม่น่าจะเรียกว่าเป็นของว่างเชียวค่ะ และได้รับความนิยมพอ ๆ กับ " ขนมครกปลาหมึกยักษ์ -ทาโกะยากิ " (Tako yaki - たこ焼き)  

เครื่องปรุงและส่วนประกอบของอาหารทั้งสองอย่าง....... จะคล้ายคลึงกันมาก เพียงแต่ว่า "โอโคโนะมิยากิ"....จะนำมาทอดในกะทะ และแผ่ให้เป็นแผ่นคล้ายพิซซ่า และอีกทั้งยังสามารถปรับเปลี่ยนส่วนผสมของเครื่องปรุง ในส่วนของเนื้อสัตว์ที่จะเลือกใส่ได้ตามความชอบของผู้ทานได้หลากหลายกว่า "ทาโกะยากิ" 

ทั้ง "โอโคโนะมิยากิ" และ " ทาโกะยากิ" นี้..... มักจะเห็นวางขายคู่กัน.... ตามร้านแผงลอยในงานเทศกาลมัตสึริ , ในห้างร้านย่านชุมชน หรือ ตามสถานีรถไฟหลายแห่ง... เพราะทานได้สะดวก และสามารถซื้อใส่กล่องนำกลับไปอุ่นทานที่บ้านได้ 

เรามาดูกันว่า...จะต้องเตรียมเครื่องปรุงอะไรกันบ้าง....สูตรที่นำมาฝากในบล๊อคนี้.....มีด้วยกัน 3 สูตร เพื่อน ๆ ลองเลือกดูว่าชอบและสะดวกในสูตรไหนนะคะ

พิซซ่าญี่ปุ่น (โอโคโนะมิยากิ - お好み焼き) ...สูตรที่...1 

เครื่องปรุง ( สำหรับ 2-3 คน ) 

แป้งสาลีโปรตีนต่ำ (ฮะคุริคิโกะ / Hakuriki ko / 薄力粉)เป็นแป้งที่ใช้สำหรับทำเค็ก........ 100 กรัม 
ไข่ไก่........ 1 ฟอง 
ดาชิจิหรุ (น้ำซุปสต็อกปลา)....... 120 ซีซี (หรือจะใช้ผงดาชิจิหรุสำเร็จรูป ½ ช้อนชา ผสมกับน้ำอุ่น 120 ซีซี ก็ได้ค่ะ ) 
กล่ำปลีซอยแล้วสับละเอียด........ 100 กรัม 
ต้นหอมญี่ปุ่นซอยละเอียด........ ½ ต้น (ใช้ทั้งส่วนสีขาวและใบสีเขียว) ถ้าไม่มีใช้ต้นหอมเล็กแทนได้ 
Yama imo (มันมือเสือ) ฝนละเอียด........ 40 กรัม 
กุ้งแห้งฝอย......... 2 ช้อนโต๊ะ (แบบที่เค้าใส่ผัดในก๋วยเตี๋ยวผัดไทย) 
เนื้อหมูหั่นสไลด์บาง ๆ หรือเนื้อสัตว์อะไรก็ได้ตามชอบ...... 100 กรัม 
น้ำมันพืช......... 1 ช้อนโต๊ะ 
Agetama ( แป้งเทมปุระที่นำไปทอดเป็นก้อนเล็ก ).... นิดหน่อย 
Beni Shoga ( ขิงดองสีแดงเข้ม )....... นิดหน่อย 
Ao Nori ( สาหร่ายสีเขียวป่นละเอียด )...... นิดหน่อย 
Katsuo bushi ( ปลาโออบแห้งไสเป็นฝอย )....... นิดหน่อย 
ซอสโอโคโนะมิยากิ....... พอควร 
มายองเนส , ซอสมะเขือเทศ.....พอประมาณ (ถ้าชอบ) 

เครื่องปรุงทั้งหมดที่เตรียมไว้..... 




วิธีทำ..... 

1). กล่ำปลีล้างสะอาด หั่นสับหยาบ ๆ 

2). ต้นหอมญี่ปุ่นล้างสะอาด แล้วซอยละเอียด 



3). เพื่อเป็นการประหยัดเวลาและสะดวก.....เต่าใช้ผงดาชิจิหรุสำเร็จรูป...½ ช้อนชาผสมกับน้ำอุ่น.. 120 ซีซี คนให้ละลายเข้ากัน 

4). ล้างเปลือกของมันยามะอิโมะ (มันมือเสือ) ปลอกเปลือกด้านนอกออก นำมาฝนให้ละเอียด (ถ้าไม่มี...จะไม่ใส่ก็ได้ค่ะ... แต่ตัวแป้งที่ทอดเสร็จแล้ว...จะแข็งกระด้างนิดหน่อย) 


วันอาทิตย์ที่ 23 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557

หอยจ้อปู


ส่วนประกอบ

หอยจ้อปู

  • หมูบดแช่เย็น 150 กรัม
  • มันหมูแข็งหั่นเต๋าเล็กแช่เย็น 50 กรัม
  • แห้วหั่นเต๋าเล็ก 50 กรัม
  • ไข่ไก่ 1 ฟอง
  • เนื้อปู 100 กรัม
  • คนอร์อร่อยชัวร์ 2 ช้อนชา
  • น้ำมันหอย 1 ช้อนโต๊ะ
  • แป้งสาลี 2 ช้อนโต๊ะ
  • น้ำมันปาล์มสำหรับทอดประมาณ 500 มล.
  • ฟองเต้าหู้แผ่นสำหรับห่อและเชือกสำหรับมัดหอยจ้อ

วิธีทำ

  • นำฟองเต้าหู้แผ่นแช่น้ำ แล้วยกขึ้นสะเด็ดน้ำ พักไว้ นำหมูบด มันหมู แห้ว เนื้อปู ไข่ไก่ แป้งสาลี น้ำมันหอยมาผสมกับคนอร์อร่อยชัวร์ให้เข้ากัน
  • นำส่วนผสมที่ได้มาห่อด้วยแผ่นฟองเต้าหู้ให้เป็นแท่ง แล้วมัดด้วยเชือกให้เป็นท่อนๆ นำหอยจ้อที่ห่อไว้ไปนึ่งประมาณ 10-15 นาทีจนสุก ทิ้งไว้ให้เย็น
  • แกะเชือกที่ผูกหอยจ้อออก หั่นเป็นท่อนๆ นำไปทอดในน้ำมันร้อน (อุณหภูมิร้อนปานกลาง) ทอดจนเหลืองกรอบ ตักขึ้นสะเด็ดน้ำมัน จัดใส่จานพร้อมเสิร์ฟ รับประทานคู่กับน้ำจิ้มบ๊วย หรือน้ำจิ้มไก่

โจ๊กคนอร์


ส่วนประกอบ

โจ๊กปลาเก๋า

  • คนอร์คัพโจ๊กกุ้ง 2 ซอง
  • เนื้อปลาเก๋าหั่นชิ้นพอคำ 80 กรัม
  • น้ำร้อน (500 มิลลิลิตร) 2 ถ้วยตวง
  • ต้นหอมซอย ขิงซอย และปลาท่องโก๋สำหรับโรยหน้าตามชอบ

วิธีทำ

  • นำน้ำใส่หม้อตั้งไฟพอน้ำเดือดจัด ใส่ปลาลงต้มจนสุก ตักขึ้นสะเด็ดน้ำ ตักใส่ถ้วยพักไว้
  • เทคนอร์คัพโจ๊กใส่ชาม ใส่น้ำร้อนคนให้เข้ากันแล้วปิดฝาทิ้งไว้ 2 นาที
  • จัดเสิร์ฟโดยแบ่งโจ๊กออกเป็น 2 ชาม ใส่ปลาที่เตรียมไว้ โรยหน้าด้วยต้นหอมซอย ขิงซอย และปลาท่องโก๋พร้อมเสิร์ฟ

วันเสาร์ที่ 22 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557

พะแนงเนื้อ

พะแนงเนื้อ

* เนื้อวัว 400 กรัม (หั่นเป็นชิ้นพอดีคำ)
* น้ำพริกแกงพะแนง  2 ช้อนโต๊ะ
* น้ำมันพืช 2 ช้อนโต๊ะ
* กะทิ 150 กรัม
* น้ำตาลปี๊บ 2 ช้อนโต๊ะ
* น้ำปลา 2 ช้อนโต๊ะ
* ใบโหระพา 10 ใบ
* พริกชี้ฟ้า 2 เม็ด (หั่นตามแนวขวาง)
* ใบมะกรูด 3 ใบ (ซอยละิีเอียด)

ใบมะกรูดซอยละเอียด
พะแนงเนื้อ
     วิธีทำทีละขั้นตอน
1. นำเครื่องแกงไปผัดกับน้ำมันประมาณ 1 นาที จากนั้นจึงใส่กระทิลงไปและต้มต่อไปจนเดือด
2. ใส่เนื้อวัว แล้วจึงปรุงรสด้วยน้ำตาลและน้ำปลา

น้ำพริกกุ้งสด รสแซ่บเว่อร์ (Thai Chili and Shrimp Dipping Sauce)

สูตรน้ำพริกกุ้งสด

สูตรและวิธีทำน้ำพริกกุ้งสด (Thai Chili and Shrimp Dipping Sauce) - อาหารไทยคู่ครัวเรือนนั่นคือ เมนูน้ำพริก ทานกับผัก สำหรับวันนี้นำเสนอเป็น "น้ำพริกกุ้งสด" อร่อยง่ายๆ อย่างไทยเรา


เมืองไทยนั้นขึ้นชื่อว่าอุดมสมบูรณ์ไปด้วยพืช ผัก ผลไม้ และคนไทยแต่กาลนานมา พ่อแม่มักสอนให้เรากินง่ายอยู่ง่าย มีผักที่ปลูกเอง จากนั้นก็แค่ตำน้ำพริก ก็อิ่มง่ายๆ ไปอีกหนึ่งมื้อ "น้ำพริก" เป็นอาหารที่อยู่เคียงคู่กับคนไทยมาช้านาน มีความหลากหลายสารพัดน้ำพริก สารพัดรสชาติ แต่ละภาคแต่ละท้องถิ่นก็จะมีกรรมวิธีการปรุง แตกต่างกันไป แต่ที่ไม่ต่างคือ อร่อยแซ่บๆ สไตล์ไทยนั่นเอง ลองไปดูสูตรน้ำพริกกุ้งสดที่นำมาเสนอกันเลย...

ส่วนประกอบ
  • กุ้ง 7-10 ตัว ปอกเปลือกออกให้หมด ลวกด้วยน้ำเกลือ
  • กะปิอย่างดีห่อใบตองย่างให้หอม  1+ 1/2 ช้อนโต๊ะ (หรือประมาณ 80 กรัม).
  • กระเทียมตัดหัวท้าย ลอกเปลือกแข็งๆ ออก 10 กลีบ (ประมาณ 50 กรัม) 
  • พริกขี้หนูสวนสีแดงเขียว  8-10 เม็ด (ปรับเพิ่ม/ลด ตามความชอบ)
  • มะเขือพวงเด็ด 50 กรัม
  • หอมแดง 2 ลูก (ไม่ใส่ก็ได้ รสชาติไม่ต่างกันมาก)
  • ไข่ต้ม, ผักสดหรือผักนึ่งสำหรับทานกับน้ำพริก (ถั่วฝักยาว, กะหล่ำปลี, แตงกวา, อื่นๆ)
น้ำพริกกุ้งสด
เครื่องปรุง
  • น้ำตาลปี๊บ  ½   ช้อนโต๊ะ
  • น้ำมะนาว 2-3  ช้อนโต๊ะ
  • น้ำปลา 1-2  ช้อนโต๊ะ
***ปริมาณน้ำปลา น้ำมะนาว และน้ำตาล อาจจะต้องใช้มากหรือน้อยกว่านี้ ขึ้นอยู่กับความเค็มของกะปิ  ความหวานของน้ำตาล และขนาดตัวกุ้งด้วยค่ะ

วิธีทำทีละขั้นตอน
  1. นำกุ้งปอกเปลือก เด็ดหัวทิ้ง แล้วลวกด้วยน้ำเกลือต้มเดือดจนสุก (เพื่อดับคาว) จนกุ้งออกสีชมพู นำออกมาสะเด็ดน้ำ พักไว้
  2. นำกะปิห่อด้วยใบตอง ย่างไฟ เพื่อเพิ่มความหอม
  3. นำพริกขี้หนู, หอมแดง และกระเทียมไปคั่วในกระทะด้วยไฟอ่อน จนสุกหอม จากนั้นจึงนำไปตำในครกพร้อมกะปิและเนื้อกุ้งสัก 4-5 ตัว จนส่วนผสมทั้งหมดเข้ากันเป็นเนื้อเดียว
  4. จากนั้นใส่มะเขือพวงลงไป โขลกย้ำเบาๆ แค่พอมะเขือพวงแตก
  5. ปรุงรสด้วยน้ำตาล, น้ำปลาและน้ำมะนาว 
  6. สุดท้ายนำกุ้งที่เหลือ ใส่ลงไป โขลกทุกอย่างเบาๆ (ไม่ต้องให้กุ้งเละ) คลุกเคล้าให้เข้ากัน จากนั้นเติมน้ำอุ่นลงไปเล็กน้อยไม่ต้องมาก (เพื่อปรับความข้น) เพียงเท่านี้ก็เป็นอันว่า เสร็จเรียบร้อย
  7. ตักน้ำพริกใส่ถ้วย เสริฟพร้อมผักสด (หรือผักนึ่ง), ไข่ต้มและข้าวสวยร้อนๆ และที่ขาดไม่ได้เลยต้องชะอมชุบไข่ทอด ทานคู่กันกับน้ำพริกกุ้งสดอร่อยแซ่บหลายๆ
น้ำพริกกุ้งสดในขั้นตอนที่ 6

น้ำพริกกุ้งสด














แกงเขียวหวาน

* เนื้อไก่ 350 กรัม (หั่นเป็นชิ้นเล็ก พอดีคำ)
* กะทิ 1 1/4 ถ้วยตวง
* ใบโหระพา 1/4 ถ้วยตวง
* มะเขือเปราะ 2 ลูก (หั่นเป็นชิ้นเล็กๆ)
* น้ำุซุปไก่ 1/2 ถ้วยตวง
* น้ำตาลมะพร้าว 2 ช้อนโต๊ะ (หรือน้ำตาลทรายธรรมดา)
* น้ำปลา 3 ช้อนโต๊ะ
* พริกชี้ฟ้าแดง 2 เม็ด (หั่นเฉียง)
* ใบมะกรูด 4 ใบ

มะเขือเปราะ
อาหารไทย : แกงเขียวหวาน
     วิธีทำทีละขั้นตอน
1. ตั้งกะทิ 1/2 ถ้วยตวง (กระทิส่วนที่เหลือไว้ค่อยใช้ในขั้นตอนต่อไป) บนกระทะจนร้อน (ใช้ไฟปานกลาง) คนจนกระทิเดือดประมาณ 3 - 5 นาที จากนั้นใส่เครื่องแกงเขียวหวานลงไปผัดกับกระทิสักพักจนน้ำกระทิงวดลง จึงเทส่วนผสมทั้งหมดลงในหม้อใหญ่
2. นำหม้อใบใหญ่ตั้งไฟปานกลาง ใส่เนื้อไก่และคนประมาณ 2 นาที จากนั้นใส่น้ำปลา, น้ำตาล คนต่อไปอีก 1 นาที ใส่มะเขือเปราะที่หั่นไว้แล้ว ใส่น้ำกระทิที่เหลือและใส่น้ำซุปไก่ ต้มต่อไปสักพักจนเนื้อไก่เริ่มสุก และมะเขือเปราะนิ่ม

การหมักหมูแดดเดียว สูตรหมูทอดแดดเดียว

สูตรหมูแดดเดียว
การหมักหมูแดดเดียว สูตรหมูทอดแดดเดียว

หมูแดดเดียว อาหารคู่บ้านคนไทยก็ว่าได้ เมนูอาหารในวันนี้ขอแนะนำ สูตรหมูแดดเดียว (Thai Pork Jerky Recipe) พร้อม แนะนำวิธีการหมักหมูแดดเดียวให้อร่อยแบบแซ่บเวอร์ ซึ่งรสชาติเมื่อทอดเสร็จจะออกกลมกล่อม ไม่จืด ไม่เค็ม โดยสูตรนี้ใช้เนื้อหมูประมาณหนึ่งกิโล ไปดูส่วนประกอบและเครื่องปรุงกันเลย...

เครื่องปรุงและส่วนผสม
  • เนื้อหมู 1 กิโลกรัม 
  • กระเทียม 1 หัวครึ่ง
  • รากผักชี 5-6 ราก 
  • พริกไทย 2 ช้อนชา 
  • งาขาว 3 ช้อนโต๊ะ 
  • น้ำตาล 4 ช้อนชา 
  • น้ำปลา 2 ช้อนโต๊ะ 
  • ซอสหอยนางรม 4 ช้อนโต๊ะ 
  • ผงปรุงรสเนื้อ 1 ช้อนโต๊ะ 
วิธีทำ
  1. ล้างเนื้อหมูให้สะอาด นำนื้อหมูมาแล่ เป็นชิ้นบางหน่อย (หนาประมาณ 1 เซ็นติเมตร) แต่อย่าบางมาก ถ้าบางมากไป เวลานำไปตากแดดจะแห้งมากเกินไป เนื้อหมูบางส่วนอาจท่อนเป็นชิ้นๆด้วยก็ได้
  2. โขลกกระเทียม รากผักชี พริกไทยให้ละเอียด ได้ที่แล้วนำไปหมักเนื้อหมู
  3. จากนั้นเติมน้ำตาล, น้ำปลา, ซอสหอยนางรม, งาขาว และผงปรุงรส ลงไป 
  4. คลุกเคล้าหรือนวดด้วยมือจนส่วนผสมทั้งหมดเข้ากันดี และทิ้งไว้ประมาณ 1 ชั่วโมง 
  5. นำเนื้อหมูไปตากแแดดไว้ประมาณ 3 - 4 ชั่วโมง กลับเนื้อหมูบ้างเป็นระยะ  (โดยตากแดดไปสัก 2 ชั่วโมงเนื้อหมูด้านหนึ่งจะแห้งก็ทำการกลับเนื้อหมูแล้วตากอีกด้านไปอีก 2 ชั่วโมง) 
  6. สำหรับการทอด ให้ใส่น้ำมันลงในกระทะและนำไปตั้งไฟ รอจนน้ำมันร้อนจึงนำหมูหมักลงไปทอดจนสุกทั่ว จัดหมูทอดใส่จานพร้อมเสริฟ
เคล็ดลับ
  • การหมักหมู ถ้าหมักไว้นานเครื่องปรุ่งรวมส่วนผสมแล้วจะเป็นน้ำ จะเสียความเข้มข้นตรงนั้นไป 
  • น้ำตาลทรายขาว ยิ่งเม็ดละเอียดมากยิ่งดี
  • งาขาว จะใส่หรือไม่ใส่ก็ได้ ถ้าใส่ก็ดูสวยงามดี ได้กินงาขาวด้วย และจะช่วยเพิ่มกลิ่นหอมของหมูทอด
  • การตากเนื้อหมูถือว่าสำคัญเหมือนกัน ถ้าแดดจัด แดดแรง หากตากนานเกินไป เนื้อหมูจะแห้งเกินไป เวลาทอดแล้วเนื้อจะแข็งแต่ก็ทานได้ ดังนั้นหากแดดแรง ตากเนื้อหมูแค่พอหมาดๆ ก็เก็บได้เลย
  • สำหรับเวลาทอดนั้น ควรใช้ไฟปานกลาง อย่าใช้ไฟแรงมากเพราะเนื้อหมูจะแข็ง
  • สำหรับเครื่องปรุงที่ใช้หมักหมูนั้น ใครชอบหวาน ก็ใส่น้ำตาลเพิ่มมากหน่อย ใครชอบเค้มก็ใส่น้ำปลามากหน่อย
  • จัดหมูทอดแดดเดียวในจานพร้อมผักสดต่างๆ ; แตงกวา, มะเขือเทศ, กะหล่ำปลี, อื่นๆ และน้ำจิ้ม ช่วยเพิ่มความอร่อยได้เป็นอย่างดี
หมูแดดเดียว

วันศุกร์ที่ 21 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557

สูตรปลากระพงนึ่งมะนาว อร่อยแซ่บเวอร์ จานนี้ต้องลอง

สูตรปลากระพงนึ่งมะนาว อร่อยแซ่บเวอร์ จานนี้ต้องลอง

สูตรอาหารไทย ปลากระพงนึ่งมะนาว แรกเริ่มเดิมที่นั้นเป็นอาหารพื้นบ้านภาคกลาง ปัจจุบันกลายเป็นเมนูอาหารไทยยอดฮิตที่แทบทุกร้านอาหารต้องมี อีกหนึ่งเมนูที่มักจะสั่งทานเสมอเวลาไปทานข้าวนอกบ้าน สูตรอาหารปลากระพงนึ่งมะนาวเป็นการนำปลาสดๆมานึ่งจนสุกหอม แล้วราดด้วยน้ำปรุงรสจัดจ้าน เปรี้ยว แซ่บถึงใจ อีกหนึ่งเมนูเด็ดรสชาติเข้มข้นจัดจ้านครบรสตามแบบฉบับอาหารไทย รับประทานร้อนๆได้ความหอมจากเนื้อปลา อุดมไปด้วยโปรตีน วิตามิน และปราศจากไขมัน เป็นเมนูอาหารไทยที่อยากให้ทุกท่านมาลองชิมมากๆครับ วันนี้จึงได้นำสูตรปลากระพงนึ่งมะนาวมาฝาก และวิธีทำก็ทำไม่ยาก…สูตรก็ตามนี้เลยครับ


ส่วนผสม 
1. ปลากระพงขาวหนัก 7 ขีด
2. กระเทียมสับหยาบ 3 ช้อนโต๊ะ
3. พริกขี้หนูสับหยาบ 10-30 เม็ด
(ถ้าใช้พริกขี้หนูสวนจะหอมและเผ็ดมากกว่า ปริมาณแล้วแต่ชอบ ถ้าใส่ 10 เม็ดสำหรับเผ็ดน้อย ... 30 เผ็ดมาก)
4. รากผักชีสับหยาบๆ 3 ราก
5. ต้นหอมสับ 3 ช้อนโต๊ะ
6. น้ำมะนาว 3 - 4 ช้อนโต๊ะ
7. น้ำปลา 2 ช้อนโต๊ะ
8. น้ำตาลทราย 1 ช้อนชา

วิธีทำ
1. นำปลากระพงมาขอดเกล็ด ควักเอาพุงปลาออก ล้างให้สะอาด แล้วบั้งขวางเนื้อปลาข้างละ 3 บั้งให้ถึงกระดูก แล้วสะเด็ดน้ำให้แห้ง
2. ก่อนนำปลาไปนึ่งให้ใช้น้ำส้มสายชูและเกลืออย่างละ 1 ช้อนชา ผสมกัน แล้วนำไปทาตัวปลาให้ทั่ว วางใส่จาน พักไว้
3. นำน้ำสะอาดใส่ในซึ้ง ต้มให้น้ำเดือด จากนั้นให้นำปลากระพง (จากข้อ 2) ลงนึ่งในซึ้งเลยครับ แล้วปิดฝาหม้อ นึ่งไฟแรงประมาณ 10-15 นาที จนกระทั่งปลาสุก จากนั้นให้ยกปลาออกมา เทน้ำในจานปลาออกโดยใส่ถ้วยไว้ต่างหาก…อย่าทิ้ง
4. ระหว่างรอปลาสุก ให้ทำน้ำปรุงรสใส่ชามเตรียมไว้ โดยผสมกระเทียมสับ ต้นหอมสับ พริกขี้หนูสับ รากผักชีสับ น้ำปลา น้ำมะนาว น้ำตาลทราย คนให้เข้ากัน แล้วก็เติมน้ำจากตัวปลาลงไปผสมด้วย ชิมและเติมรสให้ถูกใจ
5. นำปลาที่นึ่งสุกแล้ว ราดด้วยน้ำปรุงรสที่เตรียมไว้ เสิร์ฟร้อนๆ ประดับด้วยมะนาวฝานเป็นแว่นๆ โรยหน้าด้วยใบสะระแหน่ และผักชีไทยสับตามชอบครับ
(สำหรับเสิร์ฟรับประทาน 2 ที่)

แนะนำเคล็ดลับการนึ่งปลา
  • อาจเพิ่มผักลงไปในเมนูปลากะพงนึ่งมะนาว โดยวางผักต่างๆรองตัวปลาแล้วนำไปนึ่ง
  • ปลานึ่งมะนาว ไม่ว่าจะใช้ปลาอะไรทำนั้น มีความจำเป็นที่จะต้องนึ่งปลาให้สุกเสียก่อน การที่จะนึ่งปลาไม่ให้คาวและเนื้อเละ ที่เป็นเหตุทำให้ทานปลาไม่อร่อย มีวิธีแก้ปัญหาดังนี้คือ ก่อนจะนำปลาไปนึ่งให้ใช้น้ำส้มสายชู และเกลืออย่างละ 1 ช้อนชา ผสมกัน ทาตัวปลาให้ทั่ว นำตะแกรงไปวางรองลังถึง จากนั้นให้นำปลาลงไปนึ่งในน้ำเดือดไฟแรง…จนปลาสุก ก็จะไม่มีกลิ่นคาวและเนื้อปลาก็จะไม่เละ

สูตรหมูปิ้ง อร่อยแซ่บเวอร์

สูตรหมูปิ้ง อร่อยแซ่บเวอร์

สูตรอาหารไทย หมูปิ้งเป็นอีกหนึ่งเมนูที่ทำง่าย และรสชาติก็อร่อยถูกปากเป็นที่นิยมรับประทานกันได้ไม่มีเบื่อ สามารถทำกินได้…ทำขายดี ยิ่งในสังคมเมือง คนส่วนใหญ่ต้องการความสะดวกรวดเร็ว การขายข้าวเหนียวหมูปิ้งในตอนเช้าหรือตอนเย็นจึงเหมาะมาก เพราะเป็นอาหารที่ทานง่าย อิ่มอร่อย ราคาย่อมยาว์จึงขายดีขายคล่อง จึงไม่ต้องห่วงเลย…ว่าจะขายไม่ได้…ขอเพียงทำให้สะอาด อร่อย และปริมาณสมเหตุสมผล ย่อมต้องขายดีแน่นอน ดังนั้น วันนี้เราจึงได้เสาะหาสูตรเด็ดๆ เคล็ดลับสูตรหมูปิ้งอร่อยแซ่บเวอร์มาฝากครับ สามารถทำขายหรือทำทานเองก็ได้ ที่มีเคล็ดลับสูตรหมูปิ้งเด็ดๆดังนี้



ส่วนประกอบและเครื่องปรุงสูตรหมูปิ้ง
ต้องขอขอบคุณอาจารย์อุดมชัยเป็นอย่างมากครับสำหรับสูตรหมูปิ้งนี้ ที่ได้แนะนำสูตรอร่อยๆแบบนี้ไว้ สำหรับเครื่องปรุงหมูปิ้งสูตรนี้มีอยู่ทั้งหมด 15 อย่าง แต่ก็สามารถขาดบางอย่างได้นะครับ ซึ่งเราก็ได้แนะนำไว้ตามด้านล่างนี้แล้ว…
  1. เนื้อหมูติดมัน หรือ (นำเอาเนื้อสันขาหลัง)
  2. หรือเนื้อหมูทั่วไปก็ได้ครับถ้าทำทานเองประมาณ 2 กิโลกรัม (หรือลดลงตามส่วน)
  3. ซีอิ้วดำประมาณ 1 ช้อนโต๊ะ
  4. นมข้นจืดกระป๋องตรา (คาร์เนชั่นสูตรข้น) 5 ช้อนโต๊ะ
  5. น้ำตาลปิ้บ(ตรา มิตรผล)ใช้ ประมาณ 2 ขีด (เพิ่ม-ลดได้ครับ)
  6. น้ำมันหอย 12 ช้อนโต๊ะ
  7. ซีอิ้วขาวเห็ดหอม 9 -12 ช้อนโต๊ะ
  8. กระเทียม กลีบใหญ่ 15 กลีบ 
  9. รากผักชี 7 ราก
  10. พริกไทยเม็ด 2-3 ช้อนโต๊ะ
  11. (ตามชอบจะลดหรือเพิ่มได้ครับ) ถ้าขายกลุ่มเด็กๆ ไม่ใส่ก็ได้
  12. น้ำมันพืช 5-6 ช้อนโต๊ะ
  13. แป้งมัน หรือ แป้งข้าวโพด 2 ช้อนโต๊ะ
  14. น้ำสะอาด ½ ถ้วยตวง
  15. เกลือป่น ½ ช้อนชา
  16. ผงหมักหมู(คะนอร์) 1-2 ช้อนชา (ตามชอบ ยี่ห้ออื่นก็ได้ครับ)
  17. กลิ่นควันไฟ (ถ้าหาได้) มีขายตามร้าน 1-2 หยด (ไม่ใส่ก็ได้ครับตามชอบ หรือถ้าเราย่างเตาถ่าน)
  18. ผงฟู 1/2 ช้อนชา 
  19. (เพื่อทำให้เนื้อหมูนิ่มนุ่มเด้งยิ่งขึ้น…ใส่หรือไม่ใส่ก็ได้…อันนี้ตามชอบครับ)
  20. ข้าวเหนียวนึ่งอร่อยและนุ่มนานทั้งวัน
เครื่องปรุงและวิธีการทำน้ำทาหมูปิ้ง
เคยสังเกตุเห็นไหมเวลาที่เราไปซื้อหมูปิ้งพ่อค้าแม่ค้าบางเจ้า…เขาจะเอาแปรงไปจุ่มในน้ำ (อะไรสักอย่าง) แล้วมาทาที่หมูก่อนจะปิ้ง…รู้ไหมครับว่านั่นก็เป็นอีกเคล็ดลับเช่นกันสำหรับการทำหมูปิ้ง…ซึ่งขั้นตอนการทำน้ำทาหมูปิ้งจะทำหรือไม่ทำก็ได้นะ…ตามสะดวกครับ แต่ถ้าต้องการให้มีรสชาติหอมอร่อยมากยิ่งขึ้น…ก็มีวิธีขั้นตอนในการทำตามนี้ครับ
  • สูตรที่ 1 ให้เตรียมหัวกระทิถ้ามี 1/2 ถ้วย หรือนมข้นจืด (คาร์เนชั่นสูตรข้น) ประมาณ 1/2 ถ้วย ให้เลือกเอาอย่างใดอย่างหนึ่งพอครับ ไว้สำหรับทาหมูตอนที่เราจะปิ้งหมู...เพื่อให้ได้กลิ่นหอมมัน นั่นเอง
  • สูตรที่ 2 ส่วนผสม นมสด ชีอิ้วขาว และน้ำมันพืช นำมาผสมเข้าด้วยกันพอประมาณ ใว้สำหรับทาหมูก่อนปิ้ง…ย่างหมู เพื่อให้ได้กลิ่นหอมมันและมีส่วนเพิ่มรสชาติดีด้วย…ยังไงทั้งสองสูตรนี้ก็ลองนำไปทำดูนะครับ

วิธีการทำหมูปิ้ง
  1. ก่อนอื่นล้างหมูให้สะอาด แล้วนำเนื้อหมูมาหั่นตามความยาว หรือหั่นเป็นชิ้นขนาดประมาณ 1 – 2 นิ้ว (หรือเวลาที่เราไปซื้อที่ตลาด ให้แม่ค้าหั่นให้เราเลยก็ได้ บอกว่าเราจะนำมาทำหมูปิ้ง)
  2. ปลอกเปลือกกระเทียมแล้วหั่นเป็นชิ้นเล็กๆ และล้างรากผักชีให้สะอาดเตรียมไว้ด้วย
  3. ให้นำเอาพริกไทยเม็ดๆ มาโขลกให้ละเอียด แล้วตามด้วยรากผักชีและกระเทียม โขลกให้เข้ากัน จากนั้นนำไปใส่ในเนื้อหมูที่เตรียมใว้
  4. จากนั้น ให้นำเอาส่วนผสมตามขั้นตอนที่บอกใว้ที่เหลือทั้งหมด…ใส่ลงไปรวมกันในหมูที่เราจะหมัก แล้วคลุกเคล้านวดให้เข้ากัน โดยให้เราขยำๆเบาๆ เพื่อให้เครื่องปรุงทั้งหมดละลายเข้าเป็นเนื้อเดียวกัน และช่วยให้น้ำหมักหมูเข้าไปในเนื้อหมูได้ดียิ่งขึ้น
  5. จากนั้นก็หมักหมูทิ้งใว้ด้วยนำไปแช่ในตู้เย็น (มักในตู้เย็นที่เย็นพอที่หมูของเราจะไม่เน่า….ก็ใช้ได้แล้ว) การแช่ใว้ในความเย็นนานๆ…จะทำให้น้ำหมักหมูดูดซึมเข้าไปในเนื้อมาก…จะทำให้เนื้อหมูนุ่มดีครับ
  6. · ถ้าเร่งด่วนเราทำทานเองแช่ในตู้เย็นสัก 2-4 ชั่วโมงก็ใช้ได้...แต่เนื้อจะไม่นุ่มนวลเท่าที่ควร
    · ถ้าแช่ในตู้เย็นสัก 1-2 วันค่อยนำออกมาเสียบไม้ปิ้ง…จะได้เนื้อหมูหมักที่นุ่มนวลรสชาติดี
    · ถ้าทำขายหรือต้องการเนื้อหมูที่นุ่มนวลรสชาติดี ควรแช่ไว้ในตู้เย็นเก็บเอาไว้ประมาณ 8 ชั่วโมง หรือแช่ทิ้งเอาไว้ประมาณ 1 คืนก่อนนำมาปิ้ง…จะดีมาก
    **ในขั้นตอนที่ 5 นี้** เราจะนำหมูมาเสียบกับไม้ใว้เลยก็ได้…ตามสะดวกครับ…เสร็จแล้วนำหมูที่ได้ไปใส่ลงในกระปุกสี่เหลียมปิดฝาให้สนิท แล้วหมักหมูทิ้งใว้โดยแช่ไว้ในตู้เย็นนานเท่าไรนั้น…ก็ตามที่ได้แนะนำไว้ด้านบนนี้เลยครับ
  7. นำหมูที่หมักไว้แล้วมาเสียบเข้ากับไม้ให้หมด
  8. ขั้นตอนสุดท้ายนำหมูเสียบไม้มาปิ้งได้เลยครับ…(ตอนที่เรานำหมูไปปิ้งย่างบนเตา…เพื่อทำให้หอมอร่อยมากยิ่งขึ้น…ให้เอาน้ำทาหมูปิ้งที่ทำเตรียมไว้แล้ว ไปทาบนหมูพอชื้นๆครับ จากนั้นก็ปิ้งหมูตามปกติจนสุก)


แนะนำเพิ่มเติม
  • ไม้ที่เราจะนำมาเสียบหมู เราควรนำไปแช่น้ำทิ้งค้างคืนใว้ก่อน..เพื่อให้ไม้มีความชื้น..เมื่อเวลาจะนำไม้ไปย่างหมู…ไม้จะได้ไม่ใหม้…ก่อนหมูสุกครับ (เทคนิคนี้แล้วแต่เราครับ แช่หรือไม่แช่ก็ได้)
  • ถ้าจะทำขายหมักหมูให้ได้พอประมาณหลังจากนั้นให้นำหมูมาเสียบกับไม้ เสร็จแล้วนำหมูที่ได้ไปใส่ลงในกระปุกสี่เหลียมปิดฝาให้สนิทแล้วแช่ไว้ในตู้เย็นเก็บเอาไว้ประมาณ 1 คืนก่อนนำมาปิ้ง
สำหรับการทำหมูปิ้งนั้นไม่มีสูตรวิธีการทำที่ตายตัว ถ้ารสชาติหวานไป..หรือเค็มไป ก็ให้เราปรับเปลี่ยนส่วนผสมปรุงแต่งรสและค้นหาสูตรใหม่ๆ ด้วยตัวท่านเองได้เสมอ เพื่อต่อยอดให้ได้สูตรหมูปิ้งรสชาติอร่อยยิ่งๆขึ้นไป ที่จะกลายเป็นสูตรพิเศษเฉพาะของตัวท่านเอง

ก๋วยจั๊บน้ำข้น สูตรอร่อยเด็ด

"ก๋วยจั๊บน้ำข้น" อีกเมนูอาหารจานเดียวที่อร่อยเด็ดและได้คุณค่าทางอาหารอย่างครบถ้วนในจานเดียว เอกลักษณ์ของก๊วยจั๊บน้ำข้นนั้นอยู่ที่เครื่องมีความหลากหลายไม่ว่าจะเป็นหมูกรอบ ไส้หมู ตับหมู ปอดหมู เต้าหู้ทอด ไข่ต้ม ปอด และหนังหมู และก๋วยจั๊บก็เป็นเช่นเดียวกับก๋วยเตี๋ยว สามารถปรุงรสได้ตามใจชอบ ด้วยน้ำซุปที่เข้มข้นปรุงรสอีกนิดหน่อยหรือแทบไม่ต้องปรุงเลย จึงทำให้ถูกปากถูกใจได้ไม่ยาก ที่มีสูตรก๋วยจั๊บน้ำข้นดังนี้...



เครื่องปรุง
  1. เส้นก๋วยจั๊บ 1 กิโลกรัม
  2. ตับหมู ½ กิโลกรัม
  3. ไส้ใหญ่หมู ½ กิโลกรัม
  4. ปอดหมู 2 พวง
  5. หนังหมู ½ กิโลกรัม
  6. เต้าหู้ทอด 2 พวง
  7. หมูกรอบชิ้นยาว 2 ชิ้น
  8. พริกไทยขาวเป็นเม็ด 30 เม็ด
  9. แป้งข้าวเจ้า 10 ช้อนโต๊ะ
  10. ไข่ต้ม 20 ฟอง
  11. กระเทียมบุบ 6 หัว
  12. น้ำตาลปี๊บ 2 ช้อนโต๊ะ
  13. เกลือป่น ½ ช้อนโต๊ะ
  14. ซ๊อิ๊วขาว 2 ช้อนโต๊ะ
  15. ซิ๊วดำ ½ ช้อนโต๊ะ

วิธีทำ
1. ก่อนอื่นให้เตรียมเส้นก๋วยจั๊บก่อน โดยการนำเส้นก๊วยจั๊บมาต้มกับน้ำซุปจนกระทั่งเส้นนิ่มได้ที่แล้วให้นำแป้งข้าวเจ้ามาละลายกับน้ำใส่ลงเคี่ยวในหม้อให้ข้นแต่อย่าให้เหนียว ปิดไฟพักไว้
2. จากนั้นหันมาทำน้ำพะโล้ด้วยการต้มน้ำ ใส่กระดูกหมูลงไปเคี่ยวสักครู่พอให้หวานน้ำต้มกระดูกหมู จากนั้นให้ใส่โป๊ยกั๊ก รากผักชี อบเชย พริกไทยเม็ด กระเทียมบุบพอแหลก เกลือ น้ำตาลปี๊บ ซีอิ๊วขาว และซีอิ๊วดำ ตามด้วยเครื่องในหมู ได้แก่ ตับหมู ปอดหมู หนังหมู และไข่ต้มลงไป เคี่ยวต่อไปด้วยไฟอ่อน รอจนตับหมูเริ่มสุกให้ตักขึ้นมาก่อน เนื่องจากตับจะเป็นส่วนที่สุกเร็วที่สุด นอกนั้นให้เคี่ยวต่อไปจนเปื่อยแล้วจึงค่อยตักขึ้นมาใส่ในภาชนะเตรียมขาย หรือจะนำใส่ในตะแกรงโลหะแขวนไว้บนหม้อต้มให้ได้รับความร้อนตลอดเวลาก็ได้เพียงเท่านี้ก็ได้ก๋วยจั๊บรสเด็ดแล้ว

สูตรต้มยำกุ้งน้ำข้น รสเด็ด (Tom Yum Kung)

สูตรต้มยำกุ้งน้ำข้น รสเด็ด (Tom Yum Kung)

Thai sour and spicy shrimp soup เมนูอาหารไทย สูตรอาหาร : ต้มยำกุ้งน้ำข้น "Tom yum Kung" (Thai sour and spicy shrimp soup) รสเด็ด แซ่บเว่อร์ อาหารยอดนิยมของคนไทยและชาวต่างชาติ อีกทั้งยังเป็นอาหารที่ชาวต่างชาติมาเที่ยวประเทศไทยแล้วต้องสั่งทาน สำหรับวันนี้เราขอแนะนำสูตรต้มยำกุ้งน้ำข้น รสแซ่บกลมกล่อม มาฝากทุกท่าน สามารถทำขายหรือทำทานเองก็ได้ งั้นลองไปดูสูตรกันเลย ....



สูตรต้มยำกุ้งน้ำข้น 

สิ่งที่ต้องเตรียม
  • กุ้งกุลาดำ 15 ตัว
  • เห็ดโคนประมาณ 10-15 ดอก ใช้เห็ดนางฟ้าหรือเห็ดฟางแทนก็ได้
  • มะนาวใช้ 3 ลูก บีบน้ำได้ประมาณ 3 ช้อนกินข้าวแบบสั้น
  • พริกขี้หนูเม็ดเล็กใช้ 10 เม็ด
  • หัวหอมแดง 3-4 หัว
  • ตะไคร้ใช้ 2-3 ต้นไม่ใหญ่
  • ข่าแก่หั่นใช้ 5 แว่น
  • ใบมะกรูด 4-5 ใบ
  • รากผักชี 2-3 ต้น (ใครจะเพิ่มผักชีฝรั่งก็ใส่ได้ตามชอบใจ)
  • น้ำพริกเผา 1 ช้อนโต๊ะ
  • น้ำปลาอย่างดี 2-3 ช้อนโต๊ะ (ต้องชิมรสประกอบ)
  • น้ำตาลทราย 1 ช้อนชา
  • นมข้นไม่หวาน (ใช้คาร์เนชั่น) หรือใช้นมสดรสจืดยิ่งดีเลย 1 ถ้วย
  • น้ำซุป ถ้าไม่มี ใช้น้ำเปล่าแล้วใช้รสดีปรุงรสแทน
วิธีทำต้มยำกุ้งน้ำข้น
  1. นำตะไคร้มาทุบแบบหยาบ และหั่นประมาณ 1 นิ้ว ต่อด้วยหั่นข่า 1 แง่งให้เป็นแว่นๆ เพื่อให้ได้ประมาณ 5-7 แว่น ไม่ต้องหนามาก เอาแบบพอดีๆ
  2. หั่นผักชีเป็นฝอยๆ และนำรากผักชีไปทุบพอหยาบ และทุบพริกขี้หนูอีก 10 เม็ดให้พอหยาบเช่นกัน
  3. หั่นมะเขือเทศลูกใหญ่โดยผ่าให้ได้ 4 ชิ้น จากนั้นก็หั่นเห็ดฟางแบบครึ่งและเห็ดนางฟ้าฉีกครึ่ง ใบมะกรูดนำมาฉีกครึ่งเป็น 4 ส่วน
  4. ปอกเปลือกกุ้งสดให้สะอาด ผ่าหลังและล้างน้ำให้สะอาด รวมทั้งผักทุกชนิดที่เราจะรับประทาน จำเป็นต้องล้างน้ำให้สะอาดก่อนหั่น
  5. เตรียมน้ำพริกเผาผสมนมสด โดยนำนมสดหรือน้ำข้นไม่หวาน 1 ถ้วยมาผสมกับ น้ำพริกเผา บี้ให้ตัวพริกเผาไม่ให้จับตัวเป็นก้อน
  6. นำหม้อต้มใส่น้ำเปล่า 1 ลิตรที่ได้เตรียมไว้ โดยเริ่มตั้งไฟด้วยไฟแรง หลังจากนั้นก็ใส่ตะไคร้ทุบและข่าที่หั่นเตรียมไว้ และใส่รากผักชีทุบลงไปพร้อมๆ กันเลย
  7. เมื่อน้ำเดือดแล้วให้ใส่เห็ดฟางและเห็ดนางฟ้าไปพร้อมๆ กับกุ้งสดรอจนน้ำเดือด
  8. พอน้ำเดือด ให้หรี่ไฟเป็นไฟเป็นแบบปานกลาง จากนั้นก็ใส่เครื่องปรุงรสที่เราได้เตรียมไว้แล้ว นั้นก็คือ น้ำปลา มะนาว คน 1 รอบ ตามด้วยน้ำพริกเผาผสมนมสด และคนให้เข้ากันอีกรอบ และเปิดไฟแรงอีกครั้ง
  9. นำมะเขือเทศและพริกขี้หนู  และใบมะกรูดมาใส่ลงในหม้อ พอน้ำเดือดแล้วให้ปิดไฟทันที
  10. ยกลงมาเทใส่ถ้วย จากนั้นก็โรยหน้าด้วยผักชี ถือว่าเป็นอันเสร็จเรียบร้อย พร้อมเสิร์ฟแล้วล่ะอาจปรุงรสเพิ่มตามใจชอบ
เคล็ดลับความอร่อย
  • กุ้งจะใช้กุ้งตัวใหญ่หรือแบบตัวเล็กแกะเปลือกก็ได้ แล้วแต่ความชอบหรือสูตรของแต่ละร้าน (ดังเข่นรูปด้านล่าง)
  • สำหรับร้านที่จะนำสูตรไปทำขายควรทำรสชาติให้กลมกล่อม ไม่เปรี้ยว ไม่หวานมันมากเกินไป ซึ่งเป็นรสที่คนทั่วไปชอบ
ขอบคุณรูปภาพจากอินเตอร์เน็ต

สูตรข้าวผัดหมู และวิธีผัดข้าวให้อร่อย

สูตรข้าวผัดหมู และวิธีผัดข้าวให้อร่อย

สูตรอาหารไทย ข้าวผัดหมู เมนูอาหารนี้อาจฟังดูเป็นอาหารพื้นๆ แต่คงปฏิเสธไม่ได้เลยว่า การจะหาข้าวผัดหมูอร่อยๆถูกใจนั้นก็ไม่ง่ายเช่นกัน ปกติแล้วมักจะเจอแบบพอกินได้เท่านั้น ทั้งที่วิธีทำข้าวผัดหมูนั้นสามารถทำได้ง่ายไม่ยุ่งยากเลย แต่ทำไมความอร่อยและน่าทานจึงแตกต่างกัน คุณอยากรู้ไหม? …เคล็ดลับของข้าวผัดหมูนั้นอยู่ที่ความคิดสร้างสรรค์ของผู้ปรุง ว่าจะเพิ่มเสริมรสอย่างไรให้ถูกใจถูกปากผู้บริโภค และที่สำคัญข้าวผัดจะต้องแห้งหมาด รสชาติเข้มข้น สีสันสวยงาม และสิ่งหนึ่งที่ชวนให้รับประทานนั้น ได้มาจากผักและเครื่องปรุงที่เสริมลงไป นอกจากแปลกใหม่ไม่เหมือนใครแล้วยังให้รสชาติเลิศถูกอดถูกใจได้ไม่ยากอีกด้วย




เครื่องปรุง
  1. ข้าวสวย (ไม่แฉะ) ¾ ถ้วยตวง
  2. หมูสับ 50 กรัม
  3. หมูแฮมหั่นเป็นเส้นฝอย 1 แผ่น
  4. หมูยอหั่นเป็นสี่เหลี่ยมลูกเต๋า 1 ช้อนโต๊ะ
  5. กระเทียมสับ 8 กลีบ
  6. แครอทหั่นเป็นเส้นฝอย 3 ช้อนโต๊ะ
  7. มะเขือเทศผ่าตามยาว 1 ลูก
  8. น้ำมันพืช 1 ช้อนโต๊ะ
  9. ไข่ไก่ 1 ฟอง
  10. น้ำมันหอย 1 ช้อนโต๊ะ
  11. ซีอิ๊วขาว 1 ช้อนชา
  12. ซอสปรุงรสถั่วเหลือง 1 ช้อนชา
  13. มะนาว 1 ซีก
  14. แตงกวา ต้นหอม ผักชี พริกไทยป่น
(ถ้าบางอย่างไม่มีไม่เป็นไรครับ ใส่อย่างอื่นแทนได้ หรือถ้ามีแค่ข้าวกะไข่ ก็พอกล้อมแกล้มได้เหมือนกัน)

วิธีทำ
1. เริ่มต้นด้วยการตั้งกระทะ ใส่น้ำมันลงไปพอเริ่มร้อนใส่กระเทียมสับลงไปเจียวให้เหลือง
2. จากนั้นจึงใส่หมูสับลงไปผัดพอสุกตามด้วยหมูแฮมและหมูยอลงไปผัด
3. เสร็จแล้วใส่ข้าวสวยลงผัดให้ส่วนผสมเข้ากันจึงใส่แครอทและมะเขือเทศลงไปผัด ปรุงด้วยซอสปรุงรส และซีอิ๊วขาวผัดให้เครื่องปรุงเข้ากัน จากนั้นใช้ตะหลิวดันข้าวผัดขึ้นไปอยู่ข้างๆกระทะ เว้นที่ก้นกระทะไว้ตอกไข่ใส่ลงไป ใช้ตะหลิวตีไข่ให้แตก จากนั้นตักข้าวที่อยู่ข้างกระทะกลบทับไข่ไว้ รอจนไข่สุกแล้วจึงช้อนกลับให้ไข่อยู่ด้านบน ใส่น้ำมันหอยลงไปผัดให้ส่วนผสมเข้ากันอีกครั้ง ปิดไฟ
4. ตักใส่จาน จัดเรียงแตงกวาและมะนาวไว้ข้างๆจานเสิร์ฟได้ทันที

เคล็ดลับวิธีทำข้าวผัดให้อร่อย
  • สิ่งสำคัญ ข้าวสวยที่ใช้ผัดต้องไม่แฉะ นอกจากนี้ เมื่อข้าวสุกใหม่ร้อนๆ ควรเกลี่ยใส่ถาด ให้ข้าวเย็นก่อนจึงนำมาผัด ข้าวจะไม่เกาะตัวเป็นก้อน 
  • น้ำมันไม่ควรใส่มากเกินไป เพราะจะทำให้แฉะและเลี่ยน ไม่น่ากิน 
  • ต้องใช้ไฟกลางในการเจียวกระเทียมจนเหลือง ใส่เครื่องปรุงที่เป็นเนื้อสัตว์ผัดจนสุกก่อน จึงใส่ข้าวผัดให้ทั่ว ถ้าข้าวผัดชนิดใดมีส่วนผสมของไข่ต้องใส่ไข่ทีหลังข้าวพอผัดข้าวจนทั่วเกลี่ยข้าวไว้อีกด้าน หนึ่งต่อยไข่ใส่กลบข้าวบนไข่พอสุกจึงค่อยผัดไข่ ในขั้นตอนนี้ต้องผัดเร็วๆ ไข่จะเกาะเม็ดข้าวดี และไม่แฉะ เช่น ข้าวผัดปู ข้าวผัดทะเล ข้าวผัดกุ้ง ข้าวผัดหมู ในกรณีที่เป็นข้าวผัดที่นำน้ำพริกมาประยุกต์ คลุกน้ำพริกกับข้าวให้ทั่วก่อน จึงค่อยผัดทีหลังจะทำให้ส่วนผสมเข้ากันได้ดี 
  • “กระทะ” เป็นอุปกรณ์ที่สำคัญในการทำข้าวผัดเลยทีเดียว กระทะเหล็กรับความร้อนได้เร็วและดี แต่ข้าวจะติดกระทะ ต้องผัดเร็วๆเหมาะสำหรับแม่ครัวที่ชำนาญในการผัดขัาว เพราะข้าวผัดที่ได้จะมีกลิ่นหอม ถ้าเป็นแม่ครัวมือใหม่ต้องใช้กระทะเทฟล่อน แต่กลิ่นหอมจะสู้ข้าวที่ผัดจากกระทะอะลูมิเนียม กระทะเหล็ก หรือกระทะเหล็กเคลือบไม่ได้ “ตะหลิว” ก็เช่นกันต้องเลือกด้ามที่ติดแน่น ทนความร้อน
  • พวกผักต่างๆนั้น ควรหั่นเป็นสี่เหลี่ยมลูกเต๋าหรือชิ้นเล็กๆ จะช่วยทำให้ข้าวผัดอร่อยกว่าใส่ชิ้นใหญ่ เช่น หอมใหญ่ คะน้า แครอท มะเขือเทศ ต้มหอม หั่นชิ้นเล็ก
 
Blogger Templates